Last updated: 24 พ.ย. 2564 | 923 จำนวนผู้เข้าชม |
ขับรถลุยน้ำท่วม ต้องปิดแอร์ไหม ?
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัยว่า หากจำเป็นที่จะต้องขับรถลุยน้ำท่วมต้องปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศภายในรถหรือไม่ และถ้าไม่ปิดจะมีผลเสียงอย่างไร เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นต้องบอกว่า หากเป็นการขับรถลุยน้ำท่วมที่ไม่สูงมากนักไม่เกิน 10 เซนติเมตร ยังสามารถเปิดใช้งานแอร์ได้อยู่ แต่ถ้าน้ำเริ่มท่วมสูงเกินกว่า 10 เซนติเมตรขึ้นไป ควรปิดในทันที เพราะพัดลมแอร์ที่หมุนทำงานอยู่นั้นอาจพัดน้ำ หรือตีน้ำให้กระจายไปโดนระบบไฟฟ้าภายในเครื่องยนต์ ทำให้ไฟฟ้าช็อตและรถยนต์ดับได้ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันตัวพัดลมได้รับความเสียหายจากเศษขยะที่ลอยมากับน้ำ ซึ่งอาจทำให้ใบพัดหักได้
ขับรถลุยน้ำท่วม หากเครื่องดับอย่าพยายามสตาร์ต
สาเหตุที่ทำให้เครื่องยนต์ดับเมื่อขับรถลุยน้ำท่วมมีหลายปัจจัยด้วยกัน อาจเกิดจากน้ำเข้าเครื่องยนต์ หรือหัวเทียนมีความชื้นสูง ซึ่งถ้าหากเครื่องยนต์เกิดดับขึ้นมา ไม่ควรสตาร์ตเครื่องยนต์ใหม่ในทันที เพราะน้ำจะยิ่งไหลเข้าสู่ระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้นควรหารถลากเพื่อนำรถมาอยู่ในจุดที่น้ำไม่ท่วมก่อนลองสตาร์ตใหม่อีกครั้ง หากยังไม่ติดควรนำรถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่างไรให้ปลอดภัย
สำหรับข้อควรระวังต่าง ๆ เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม นอกจากการปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนใช้รถควรรู้ไว้ เพื่อการขับรถลุยน้ำท่วมให้ปลอดภัย
แน่นอนว่าการขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังเพียงเล็กน้อยรถทุกชนิดยังสามารถขับผ่านไปได้ แต่ถ้าระดับน้ำที่ท่วมขังเริ่มสูงขึ้น ย่อมส่งผลกับรถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดกลาง และรถกระบะที่ไม่ได้ยกสูง ส่วนรถ SUV, รถ PPV และรถกระบะยกสูงจะยังไม่เจอปัญหาใดใด จนกว่าจะเจอกับระดับน้ำที่ท่วมขังเกินกว่า 60 เซนติเมตรขึ้นไป เราลองมาดูระดับน้ำท่วมขังที่รถประเภทต่าง ๆ ยังสามารถขับลุยน้ำท่วมไปได้กัน
1. ระดับน้ำท่วมไม่เกิน 20 เซนติเมตร
ปริมาณน้ำในระดับนี้จะอยู่บริเวณครึ่งล้อของรถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดกลาง และรถกระบะที่ไม่ได้ยกสูง ซึ่งยังคงเพียงพอที่จะสามารถขับผ่านไปได้ ยังไม่มีอันตรายกับตัวรถและเครื่องยนต์
2. ระดับน้ำท่วม 20-40 เซนติเมตร
ปริมาณน้ำในระดับนี้จะอยู่บริเวณที่สูงเกินครึ่งล้อรถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดกลางขึ้นมา โดยปกติรถยนต์ทั่วไปจะมีความสูงจากพื้นประมาณ 15-18 เซนติเมตรเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถลุยผ่านไปได้อย่างแน่นอนเพราะท่อไอเสียจะจมหรืออยู่ในระดับเดียวกับน้ำที่ท่วมขังพอดี แต่หากจำเป็นต้องลุยฝ่าไปในระยะทางที่ไม่ไกลมากนักยังพอทำได้อยู่ แต่ถ้าไกลไม่ควรฝ่าไปเด็ดขาด ส่วนรถกระบะธรรมดาหรือรถกระบะตัวเตี้ยอาจได้รับผลกระทบเช่นกัน
3. ระดับน้ำท่วม 40-60 เซนติเมตร
ปริมาณน้ำในระดับนี้รถยนต์ขนาดเล็ก และรถยนต์ขนาดกลางทุกชนิดไม่ควรขับผ่าน ในขณะที่รถกระบะทั่วไปที่ไม่ใช่รถกระบะตัวเตี้ยยังสามารถขับผ่านได้อยู่ แต่ควรปิดเครื่องปรับอากาศ ส่วนรถกระบะยกสูง รถกระบะออฟโรด หรือรถโฟล์วิล สามารถผ่านได้สบาย แต่ควรใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
4. ระดับน้ำท่วม 60-80 เซนติเมตร
เป็นปริมาณน้ำในระดับที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อรถทุกชนิดไม่ควรขับผ่านไปอย่างเด็ดขาด เพราะระดับน้ำจะอยู่ในระดับฝากระโปรงหน้ารถ น้ำอาจไหลเข้าช่องกรองอากาศ ทำให้เครื่องยนต์ดับได้ และถึงแม้ในรถกระบะยกสูง รถกระบะออฟโรด หรือรถโฟล์วิล จะยังพอผ่านไปได้ แต่ก็อาจเกิดอันตรายจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น หลุม บ่อ ท่อระบายน้ำ หรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถมองเห็นได้นั่นเอง
7 ม.ค. 2565
8 ม.ค. 2565
7 ม.ค. 2565